เว็บไซต์เพื่อการศึกษา RFID

















  ตัวอย่างเทคโนโลยี RFID






                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                  

วิวัฒนาการของ RFID

            อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น จุดเริ่มต้นของอาร์เอฟไอดี มีมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2ทางด้านการพัฒนาได้มีการให้สิทธิบัตรของอเมริกาเกี่ยวกับอาร์เอฟไอดี อันแรกให้กับ Mario W.Cardullo เป็นสิทธิบัตรเกี่ยวกับป้ายแบบแอ็กทีฟเมื่อวันที่ 23 มกราคม ค.ศ.1973 และในปีเดียวกันได้มีการมอบสิทธิบัตรเกี่ยวกับป้ายแบบแพสทีฟแก่ Charles Walton โดยประยุกต์ใช้งานสำหรับการเปิดล็อกประตูและ Charles Walton ได้อนุญาตสิทธิให้บริษัท Schlage เป็นผู้ผลิต 


             ในช่วงปี ค.ศ.1970 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้มีการพัฒนาเกี่ยวกับอาร์เอฟ-ไอดีเหมือนกันที่ศูนย์วิจัยแห่งชาติลอส  อลามอส (Los Alamos National Laboratory) มลรัฐนิวเม็กซิโกใช้สําหรับการติดตามวัตถุนิวเคลียร์ให้กับกระทรวงพลังงานโดยใช้อาร์เอฟไอดีติดกับรถบรรทุกและเครื่องอ่านที่ประตูทางเข้าออก และเมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์ของศูนย์วิจัยแห่งนี้ได้ออกมาตั้งบริษัทและพัฒนาเป็นระบบเก็บค่าทางด่วนอัตโนมัติ ในขณะเดียวกันกระทรวงเกษตรของสหรัฐมีความต้องการป้ายแบบแพสทีฟชนิดความถี่ 125 กิโลเฮิรตซ์ สําหรับติดวัว เพื่อใช้แยกแยะว่าวัวตัวไหนมีการฉีดวัคซีนแล้วหรือไม่ทางศูนย์วิจัยแห่งชาติลอสอลามอสได้พัฒนาอาร์เอฟไอดีความถี่ 125 กิโลเฮิรตซ์สําหรับฝั่งใต้ผิวหนังของวัว อาร์เอฟไอดีความถี่ 125 กิโลเฮิรตซ์ได้มีการใช้ในเชิงพาณิชย์ในหลายรูปแบบและต่อมาได้มีการพัฒนาไปที่ความถี่ 13.56 เมกะเฮิรตซ์ 


 

        ในช่วงต้นปี ค.ศ.1990  บริษัทไอบีเอ็มได้พัฒนาและจดสิทธิบัตรอาร์เอฟไอดี ในย่าน UHF(ย่านความถี่ตั้งแต่ 300 เมกะเฮิรตซ์ ถึง 3 กิกะเฮิรตซ์ ) แต่เมื่อไอบีเอ็มมีปัญหาการเงิน ได้ขายสิทธิบัตรเกี่ยวกับอาร์เอฟไอดีให้กับบริษัท Intermec 

  ในช่วงกลาง ค.ศ.1990 ในช่วงนั้นการใช้งานยังไม่แพร่หลายนักเนื่องจากอุปกรณ์ยังมีราคาแพงมาก อาร์เอฟไอดีในย่านความถี่สูงยิ่ง (UHF)  ได้แจ้งเกิดอีกครั้งในปี ค.ศ.1999 เมื่อ UCC (Uniform Code Council) EAN International  บริษัท Procter & Gamble และบริษัท Gillette ได้ร่วมก่อตั้งศูนย์ Auto-ID ขึ้นที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อพัฒนาแนวทางการใช้อาร์เอฟไอดีในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)

 

          ในช่วงปี ค.ศ. 1999-2003 Auto-ID ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทเอกชนจำนวนมากและได้มีการขยายศูนย์ Auto-ID ไปยังประเทศออสเตรเลีย อังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น และจีนได้มีการพัฒนามาตรฐานใหม่ที่เรียกว่ารหัสสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ EPC (Electronic Product Code)  และในปี ค.ศ. 2003 เทคโนโลยีนี้ได้ถูกขายให้กับ UCC ซึ่งได้รวมกับ EAN ตั้งบริษัท EPCglobal เพื่อพัฒนา EPC ในเชิงพาณิชย์ ส่วนศูนย์ Auto-ID ได้ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการยังคงเหลือเฉพาะส่วนปฏิบัติการวิจัยและพัฒนา (Auto-ID Lab)

     ในเดือนธันวาคม  ค.ศ. 2004 ทาง EPCglobal ได้รับรองมาตรฐาน EPC Gen2 ส่วนการใช้งานในนั้นบริษัทใหญ่ๆ เช่น Tesco และ Walmart หรือแม้แต่กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้วางแผนที่จะใช้ EPC สําหรับติดตามสินค้าที่ส่งในสายใยอุปทานของตนเอง














 

Advertising Zone    Close
 
Online:  1
Visits:  24,015
Today:  4
PageView/Month:  63

ยังไม่ได้ลงทะเบียน

เว็บไซต์นี้ยังไม่ได้ลงทะเบียนยืนยันการเป็นเจ้าของเว็บไซต์กับ Siam2Web.com